Foreign exchange หรือที่มักเรียกสั้นๆ ว่า Forex หรือ FX หมายถึงตลาดแลกเปลี่ยนสกุลเงินต่างประเทศที่ไม่มีศูนย์กลางการซื้อขาย หรือที่เรียกว่าการซื้อขายผ่านหน้าเคาท์เตอร์ (OTC) ตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราคือตลาดที่มีมูลค่าการซื้อขายขนาดใหญ่ที่สุดและมีสภาพคล่องมากที่สุดในโลก ซึ่งมีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันประมาณ 5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ Forex นับว่าป็นการลงทุนที่มีมูลค่ามากกว่าการลงทุนรูปแบบอื่น ขนาดของตลาดแลกเปลี่ยนสกุลเงินทำให้ตลาดหุ้นและตลาดตราสารหนี้ดูเล็กกว่าเมื่อเทียบการซื้อขายกับตลาดฟอเร็กซ์
ใครคือผู้เทรดในตลาด Foreign exchange?
ในอดีต ตลาดสกุลเงินสามารถเข้าถึงได้โดยสถาบันการเงินขนาดใหญ่และบุคคลที่มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิสูงเท่านั้น อย่างไรก็ตาม นวัตกรรมเทคโนโลยีในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมาทำให้นักลงทุนในทุกระดับสามารถซื้อหรือขายสกุลเงินในตลาด Forex ได้จากทุกที่ในโลก ผ่านการใช้นวัตกรรมแพลตฟอร์มการเทรดออนไลน์ กลุ่มผู้มีส่วนร่วมหลักบางส่วนในการซื้อขายในตลาด Foreign exchange มีดังนี้:
รัฐบาลและธนาคารกลาง
รัฐบาลของประเทศรายใหญ่และธนาคารกลาง ซึ่งรวมถึง ธนาคารกลางสหรัฐฯ ธนาคารแห่งประเทศอังกฤษ และธนาคารกลางยุโรป เป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ใหญ่ที่สุดในตลาด Forex ซึ่งใช้การแลกเปลี่ยนสกุลเงินในการจัดการปริมาณเงินและเปลี่ยนแปลงนโยบายทางการเงิน
ธนาคารรายใหญ่
บางธนาคารที่ใหญ่ที่สุดของโลก เช่น Goldman Sachs, Deutsche Bank และ Citibank เทรดสกุลเงินในตลาด Forex ในปริมาณมากทุกวัน ทั้งเทรดให้กับตนเองและให้กับลูกค้าของตน ซึ่งรวมถึงองค์กรขนาดใหญ่ หน่วยงานของรัฐ และบุคคลธรรมดาที่มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิสูง
โบรกเกอร์ Forex
โบรกเกอร์ Forex ให้การเข้าถึงตลาดสกุลเงินทั่วโลกกับนักลงทุนรายย่อยทุกขนาด ผ่านแพลตฟอร์มการเทรดออนไลน์ โบรกเกอร์จะทำหน้าที่เป็นทางผ่านสำหรับนักลงทุน เพื่อให้นักลงทุนเทรดสกุลเงินได้อย่างสะดวกสบายจากที่บ้านของตน
นักลงทุนรายย่อย
ณ ปัจจุบัน เกือบหนึ่งในสามของปริมาณการเทรดต่อวันในตลาด Forex มาจากนักลงทุนรายย่อย ซึ่งหมายความว่าบุคคลธรรมดาเทรดสกุลเงินปริมาณ 1.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทุกวัน โดยเข้าถึงตลาดผ่านแพลตฟอร์มการเทรดที่โบรกเกอร์ Forex ให้บริการ
ในตลาด Forex มีการเทรดสกุลเงินอย่างไร
สกุลเงินในตลาด Forex จะเทรดเป็นคู่ ซึ่งหมายความว่าเมื่อนักลงทุนซื้อหรือขายสกุลเงินหนึ่ง นักลงทุนจะขายหรือซื้ออีกสกุลเงินไปพร้อมกัน ตัวอย่างเช่น หากนักลงทุนต้องการซื้อ EURUSD นักลงทุนจะซื้อยูโรและขายดอลลาร์ในเวลาเดียวกัน คู่สกุลเงินมักแบ่งออกเป็นสามประเภทที่แตกต่างกัน:
คู่สกุลเงินหลัก (Major Pairs)
คือสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ จับคู่กับสกุลเงินหลักตัวอย่างเช่น EURUSD, GBPUSD, USDJPY และ USDCAD
คู่สกุลเงินรอง (Cross Currency Pairs) (Minor Pairs)
คือคู่สกุลเงินที่ไม่มีดอลลาร์สหรัฐ คู่สกุลเงินรองจับคู่ระหว่างสกุลเงินหลักอื่นๆ หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าคู่ไมเนอร์ ตัวอย่างเช่น EURGBP, EURJPY, GBPJPY และ NZDCAD
คู่เอ็กโซติก (Exotic Pairs)
คือสกลุเงินหลักที่จับคู่กับสกุลเงินจากกลุ่มประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ ตัวอย่างเช่น USDHKD, CADMXN, EURSEK และ JPYSGD
การเทรดสกุลเงินของประเทศหนึ่งๆ คล้ายกับการลงทุนในทรัพย์สมบัติของประเทศนั้นๆ เมื่อประเทศนั้นเศรษฐกิจดีและเติบโต สกุลเงินของประเทศนั้นจะแข็งค่าขึ้น ในทางกลับกัน เมื่อเศรษฐกิจของประเทศนั้นมีปัญหา สกุลเงินของประเทศนั้นจะมีมูลค่าลดลง ดังนั้น นักลงทุนในตลาด Forex จึงเก็งกำไรว่าเศรษฐกิจของประเทศหนึ่งจะดีกว่าอีกประเทศหนึ่ง ตัวอย่างเช่น หากนักลงทุนเชื่อว่าเศรษฐกิจของสหราชอาณาจักรจะดีกว่าสหรัฐอเมริกา นักลงทุนจะซื้อ GBPUSD (ซื้อปอนด์และขายดอลลาร์) ในทางกลับกัน หากเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกามีแนวโน้มจะดีกว่าสหราชอาณาจักร นักลงทุนจะขาย GBPUSD (ขายปอนด์และซื้อดอลลาร์)
ปัจจัยใดที่ส่งผลต่ออัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงิน
เมื่อพิจารณาซื้อหรือขายสกุลเงินในตลาด Forex นักลงทุนต้องทราบปัจจัยที่ส่งผลต่ออัตราแลกเปลี่ยน เพื่อให้นักลงทุนสามารถปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ของตนได้อย่างสอดคล้อง ปัจจัยหลักสองประการที่ควรระวังได้แก่:
เหตุการณ์ทางเศรษฐกิจมหภาค
ข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจมหภาค ซึ่งรวมถึงประกาศเกี่ยวกับจุดข้อมูลที่สำคัญ เช่น ภาวะเงินเฟ้อ อัตราการว่างงาน อัตราดอกเบี้ย และผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ อาจมีผลต่ออัตราแลกเปลี่ยนของสกุลเงินได้เป็นอย่างมาก นักลงทุนเฝ้าติดตามข้อมูลนี้อย่างใกล้ชิด เพื่อดูสัญญาณว่าตลาดอาจเคลื่อนไปอย่างไร
เหตุการณ์ทางภูมิศาสตร์การเมือง
ภูมิศาสตร์การเมืองมีบทบาทสำคัญต่อราคาของสกุลเงินเช่นกัน ปัจจัยต่างๆ ซึ่งรวมถึงการเปลี่ยนรัฐบาล กฎหมายใหม่ ภาษี กฎหมายแรงงาน และภาษีการค้า ทั้งหมดสามารถส่งผลต่อความผันผวนในตลาด Forex และส่งผลต่อมูลค่าของสกุลเงินของประเทศอย่างมีนัยสำคัญ
เป็นสิ่งสำคัญที่นักลงทุนควรต้องรู้เท่าทันเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นและทราบประกาศที่อาจส่งผลต่อราคาของสกุลเงิน เพื่อไม่ให้ตื่นตกใจในกรณีที่เกิดความผันผวนในตลาด มีเครื่องมือมากมายรวมถึงปฏิทินเศรษฐกิจที่นักลงทุนสามารถนำมาใช้ติดตามเหตุการณ์ที่เคลื่อนไหวตลาด ซึ่งทำให้นักลงทุนสามารถปรับกลยุทธ์ของตนได้อย่างเหมาะสมเมื่อจำเป็น